Creative Commons License
photobygolf.multiply.com โดย photobygolf.multiply.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ photobygolf.multiply.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ photobygolf.multiply.com

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กล้องรุ่นใหม่ๆกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

กล้องรุ่นใหม่ๆกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
+ ในยุคสมัยกล้องฟิล์มนั้น การออกกล้องรุ่นใหม่ๆนั้นกินเวลานาน
บางรุ่นอาจนานถึงถึง8-10 ปีเลยทีเดียว เอาว่าอายุเท่าๆกับการออกรถรุ่นใหม่ๆนั่นเอง
คือเฉลี่ย 4-6 ปี อย่างเช่น Nikon F3 > F4 > F5
+ กลุ่มผู้ใช้จะยินดีเเละยอมรับ feature ที่ผู้ผลิตใส่มาให้เเละจะไม่เรื่องมากหรือ demand
สูงเกี่ยวกับสเปคกล้อง กลับกัน จะให้ความสำคัญในเรื่อง film & filter เเทน
+ ผู้ใช้กล้องจะให้ความสำคัญในเรื่องฟิล์มเเละเลนส์เป็นอันดับหนึ่ง หลังจากที่ตัดสินใจซื้อบอดี้เเล้ว
+ ช่างภาพมักมีบอดี้ 2-3 โดยเฉลี่ย รุ่นเดียวกันเเละรุ่นรอง อย่างเช่น F4 2บอดี้ เเละ F90 เป็นบอดี้สำรอง อะไรประมาณนั้น
เเต่ช่างภาพจะลงทุนในในเรื่องเลนส์เเละไฟ มากกว่าบอดี้
+ ช่างภาพจะมีเลนส์จะมีเป็นกระตั๊ก ฟิล์มจะซื้อเเช่ตู้เย็นไว้เลย
+ ตามหนังสือ จะคุยกันเรื่องเทคนิค เลนส์เเละฟิล์มเทสเพราะสมัยนั้นยังไม่มีคอมใช้กว้างขวางเเละยังไม่มีเว็บบอร์ด (forum)

มายุคปัจจุบัน
+ กล้องดิจิตอลออกมาถี่มาก ประมาณทุกๆ 6 เดือนจะต้องมีกล้องออกใหม่ไม่ว่า
ยี่ห้อใดหรือรุ่นใดออกมาเเน่นอน
+ การพัฒนา sensor เร็วมาก เร็วกว่าการพัฒนาเลนส์เพื่อรองรับ
ดังนั้นการออกกล้องรุ่นใหม่เพื่อเพิ่ม feature ใหม่ๆเข้าไปเพื่อสร้างมูลค่าทางการตลาด
ทั้งๆที่ feature หลายๆตัวนั้นเป็นเพียง fancy feature หรือเหมือนของเล่นที่ไม่มีความจำเป็นจริงๆ
เเต่ถูกยัดเยียดให้ โฆษณาเเละปลูกฝังให้เชื่อว่า feature เหล่านั้นมีประโยชน์ คุณต้องการมัน
ยกตัวอย่างเช่น video / picture style / face detection / . . .
เเน่นอนว่าถึงตอนนี้หลายคนจะเเย้งเเล้วว่า มันเป็น feature ที่จำเป็น
คุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกกลืนเข้าไปในกระเเสเทคโนโลยี่ที่หลอกตัวเองว่ามันจำเป็น
มีดีกว่าไม่มี สารพัดเหตุผลที่เอามากลบเกลื่อนเข้าข้างตัวเองเพียงเพราะ
ได้เสียเงินไปกับกล้องรุ่นใหม่ๆที่มีอยายุสั้นเพียง 18-24 เดือนเท่านั้น
+ ซึ่งเหล่านี้ต่างจากสมัยก่อนที่คุณตัดสินใจซื้อ Nikon F4 หรือ Canon 1N ตัวเดียว
คุณจะคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด คือกล้องที่คุณจะใช้ไปตลอดจนกว่ามันจะพังคามือ
+ หรือเเม้เเต่ยุค early digital ที่คนตัดสินใจซื้อ Nikon D1 หรือ Canon 1D
ช่างภาพเหล่านั้นก็ยังใช้หลักความคิดเดิมที่คิดว่ากล้องในรุ่นท้อปพวกนั้นซื้อมาทีเดียว
จะสามารถใช้งานได้นานเป็น 10 ปีเหมือน Nikon F4 เเต่เเล้ว....ทุกอย่างก็ตรงกันข้าม
+ การอัพเกรดกล้องในปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับการเลือกซื้อฟิล์มเเบบใหม่มาใช้
เพราะกล้องรุ่นใหม่มาพร้อม sensor ที่ใหม่ image processor ที่ใหม่กว่า
ใหม่ทุกครั้งที่ออก ไม่มีที่สิ้นสุด . . . เเล้วมันจะสิ้นสุดที่ตรงไหน
+ ราคากล้อง hi-end ปัจจุบัน ราคาสูงกว่ากล้องฟิล์ม hi-end ในอดีตถึง 2-5 เท่า
เเต่นั่นก็คือการทดเเทนค่าฟิล์มนั่นเอง

+ Canon EOS 1V = $1,600 Canon EOS 1DsIII = $8,000
ตัวเเรกใช้งานได้เป็นสิบปี+ ส่วนตัวหลังอายุ 3 ปี
เเน่นอนว่า 1DsIII ยังใช้งานได้อีกเป็นสิบปี เเต่อะไรล่ะที่เป็นข้อสรุปว่าไม่จำเป็นต้องอัพเกรด

+ ส่วนนึงต้องยอมรับว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอันเนื่องมาจากเหตุผลในเรื่องความสะดวก
ยกตัวอย่างง่ายๆ จากแต่ก่อนถ่ายเสร็จก็ต้องรอเอารูปไปล้าง ถึงจะได้ชมกัน เเละรวมถึงความสะดวก
ในการปรับเเต่งภาพเเละโทนสีในตัวกล้องเลย จะสะดวกมากสำหรับคนที่ใช้คอมเเต่งภาพไม่เป็น

+ ณ วันนี้ ผู้คนยังคงสับสนเเละไม่เเน่ใจในการตัดสินใจใช้กล้องว่าจะยึดติดเเบบเดิมหรือจะตามกระเเสที่เปลี่ยนไป


ผมคนนึงที่ยังคาบเกี่ยวอยู่ตรงกลางระหว่าง ฟิล์มกับดิจิตอล
เหมือนอยู่ในยุค รอยต่อ

ไม่อยากตามกระเเสอัพเกรดกล้องทุก 2 ปีอย่างบ้าคลั่ง จ่ายเป็นเเสนๆ เพื่อได้ใช้กล้องรุ่นใหม่ล่าสุด
เเต่สนุกที่ได้เห็นเทคโนโลยี่ใหม่ๆทุกๆ 6 เดือน

ปัจจุบันผมมีกล้องฟิล์มมากกว่ากล้องดิจิตอลเเละทุกวันต้องจับกล้องฟิล์ม (จับเล่น-ลูบคลำก็ยังดี)

อย่างหนึ่งที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคกล้องดิจิตอลเปลี่ยนไป
อาจอยู่ที่ fancy feature นี่เหละ มันเหมือนขนมหวานที่เอามาล่อ
ประเภทจอใหญ่ 3 นิ้ว สีสวย ถ่ายวีดีโอได้ สารพัดของเล่น
เดี่ยวนี้เห็นคนหันมาเล่น DSLR กันเยอะโดยมองแค่ว่าตัวไหนสเปคสูงสุด
หลายๆคนอาจยึดติดเพียงเเค่ว่าภาพสวยๆได้มาจากกล้องดีๆ หรือไม่ก็เลนส์ดีๆ
ขอเพียงสองอย่างนี้ดียังไงก็ถ่ายภาพได้สวยเเน่นอน

เเละจุดอ่อนอีกอย่างอยู่ที่กลุ่มใช้กล้องในระดับ entry level อัพเกรดบ่อยก็อาจด้วยเหตุผลเพราะราคาบอดี้ที่ถูก
ทำให้สามารถเปลี่ยนบ่อยๆได้ เลยเปลี่ยนทุกๆ 18 เดือน

ส่วนพวกทำงานมีเงินหน่อยก็หนักหน่อย เปลี่ยนทีก็เหยียบเเสน ก็พวก D700 / 5DII
รุ่นกลางๆ 5 หมื่นนี่โดนเเน่ๆ D300 / 50D เหมือนเป็นการซื้อตามเเฟชั่นเเละตามเทคโยโลยี่ใหม่ๆ
มันเป็นเเนวโน้มที่น่ากลัว

ผมเลยขอถอยก่อนดีกว่าสำหรับดิจิตอล หันกลับไปใช้กล้องฟิล์ม
หากผมไม่ใช้โอกาสตรงนี้ ตอนนี้ เวลานี้เก็บเกี่ยว ในอนาคตอาจไม่มีโอกาสใช้กล้องฟิล์มเเล้วก็ได้
หากถึงวันที่เลิกผลิตเคมีล้างภาพ เเต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราก็ยังมีประสบการณ์เเละความรู้สึกดีๆให้กับกล้องฟิล์ม


ผมกำลังคิดว่าพวกเราๆท่านๆกำลังถูกกระเเสเทคโนโลยี่พัดพาไป (อย่างเเรง)
ในความเร็วที่เร็วเกินไป เเต่หลายคนก็สนุกที่จะให้มันพัดตัวเราไปตามกระเเส

เทคโนโลยี่ด้าน sensor ถูกพัฒนาไปเร็วกว่าการผลิต lenses เพื่อมารองรับ
ตอนนี้หลายค่ายได้หันไปอัพเกรดเลนส์ในค่ายตัวเองเเล้ว
อย่างเช่น Leica 8bit, Canon new coating SWC, Nikkor Nano-G
Mamiya Digital, เเละอีกหลายตัวใน large format

กล้อง leica ที่มีความทนทานสูงมากเเต่กลับบ้าจี้ให้ส่งศูนย์เพื่อ adjust...something
หากทำกล้องตกใส่พื้นพรมในระยะความสูงเพียง 6 นิ้ว...มันบอบบางอย่างนั้นเชียวหรือ
เเต่กับ Canon 1n, Nikon F4,F90 เขวี้ยงลงพื้นดินก้อนกรวดยังใช้งานได้ดีอยู่เลย

ความเชื่อมั่นในสินค้าดิจิตอลมันหายไปหมดเเล้ว
จะยินดีกับผู้ใช้ D700 / 5DII ดีหรือไม่ว่ากล้องท่าน ณ เวลาปัจจุบัน
มีอายุเหลือเพียงไม่ถึง 20 เดือนเเล้ว

ความยากมันอยู่ที่ตรงไหน
มันอยู่ตรงที่ว่าหากเราตัดสินใจซื้อกล้องในระดับ full frame ตัวหนึ่ง
เราจะใช้งานมันกี่ปี จนกว่ารุ่นใหม่จะออก หรือจนกว่ามันจะพัง
จะอดกลั้นต่อเทคโนโลยี่ใหม่ๆไหวหรือไม่

Fancy feature หลายๆตัวกำลังถูกยัดลงไปในกล้องรุ่นใหม่ๆ
เเละอาจจะถูกถอดออกวันใดวันหนึ่งเมื่อถึงอิ่มตัวเเละพิสูจน์เเล้วว่า
มันไม่ work อย่างเช่น video / 21MP / 45 focus point / 10 fps
นอกเสียจากว่ามันจะเป็นกล้องรุ่นพิเศษ คือออกเเบบมาเพื่อการใช้งานที่เเตกต่างเช่น (กีฬา)

ตัวอย่างของ feature ในอดีตที่ถูกถอดออกก็อย่างเช่น Eye control ในกล้อง EOS
ที่พิสูจน์เเล้วว่าในการใช้งานจริงนั้นมีปัญหา

มีการเเยกเหตุผลการอัพเกรดกล้องในลักษณะนี้
1) กลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ที่ไม่ได้มีรายได้จากการถ่ายภาพ - อันนี้น่าจะเป็นกล้องระดับล่างเเละกลาง อย่างเช่น
Nikon D40/D90
Canon 1000D/450D
Olympus E420/520
ในระดับนี้การอัพเกรดจะบ่อยเเละทำกำไรมากที่สุด เพราะราคาถูกเเละบอดี้ไม่เเข็งเเรง วัสดุเปราะบาง
เเละกลุ่มผู้ใช้ enjoy เป็นอย่างมากกับ feature ที่ให้มา


2) กลุ่มผู้ใช้ที่หารายได้จากการถ่ายภาพเป็นงานเสริม - กลุ่มนี้อาจจะเลือกใช้รุ่นกลางที่ราคาไม่เเพงนักอย่างเช่น
Nikon D300/D700 Canon 50D/5D
กลุ่มนี้ก็มีเเนวโน้มสูงที่จะเปลี่ยนกล้องทุกครั้งที่มีรุ่นใหม่ออกมา ปัจจัยผันเเปรโดยตรงคือเรื่องเงิน หากเงินพอ อัพเเน่นอน

3) กลุ่มผู้ใช้อาชีพ คือมีอาชีพหลักในการถ่ายภาพ - กลุ่มนี้อาจอัพหรือไม่อัพก็ได้ เเล้วเเต่เหตุผลของเเต่ละคน
เเละเหตุผลในเรื่องประเภทของงานที่รับจ้างมาด้วย ปล.ในที่นี้เงินไม่ใช่อุปสรรค
Nikon D300/D700 /D3/D3X
Canon 5D/5DII/1DIII/1DsIII
Olympus E3

สาเหตุที่ไม่อัพเกรดของช่างภาพอาชีพ
+ กล้องปัจจุบันหรืออาจจะตกรุ่นไปเเล้ว ยังให้คุณภาพที่ดีพอ ยังได้รับการยอมรับจากลูกค้าว่าคุณภาพยังดีอยู่
+ มองเห็นว่าการใช้กล้องอย่างน้อยๆ3-5 ปี เป็นความคิดที่ถูก เป็นการบริหารเงินที่ถูกต้อง ในเเง่หนึ่ง

สาเหตุที่ต้องอัพเกรด ของช่างภาพอาชีพ
+ ในหน้าที่การการบีบให้จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทันสมัยรุ่นล่าสุดเสมอ เพราะต้องการทันสมัยในเทคโนโลยี่
+ เกี่ยวกับเรื่องการขาย การใช้ feature ใหม่ๆเเละ model กล้องเป็นจุดชักจูง เป็นจุดขายอย่างหนึ่ง
+ พัง เเละใช้จนเลยจุดคุ้มทุนเเล้ว
+ เป็นอะไรที่จะต้องตามไปจนวันตาย

จบ...(จาก etcfoto)

ไม่มีความคิดเห็น: